ด่วน! เพิ่มรอบการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ .. วันอังคารที่ 5 ธ.ค. 66 เวลา 10.00 น. (เพิ่ม-รอบประชาชน) รอบเดียวเท่านั้น ...
หลังจากบัตร SOLD OUT ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยกระแสตอบรับที่ดีอย่างท้วมท้นจากผู้ชมที่ได้รับชม และผู้ที่พลาดโอกาสจองบัตรจนเป็นกระแสเรียกร้องให้เพิ่มรอบการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน " กุมภกรรณทดน้ำ "/ เตรียม เปิดจำหน่ายบัตร วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. นี้ ทุกช่องทางที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์
เพิ่มรอบ วันที่ 5 ธันวาคม 2566 รอบ 10.00 น. รอบเดียวเท่านั้น!! สัมผัสกับความพิเศษของการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอนกุมภกรรณทดน้ำ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ และสืบสานตำนานโขนสุดยิ่งใหญ่แห่งปีไปด้วยกัน
📌 จำหน่ายบัตรที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456 บัตรราคา 2,000 บาท 1,800 บาท 1,000 บาท 800 บาท และ 600 บาท
สำรองที่นั่งออนไลน์ได้ที่ thaiticketmajor.com/performance/gaan-sa-daeng-kohn-dton-gum-pa-gan-tot-naam.html
ติดตามข่าวสารการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=100064343153695 ...
เรื่องย่อ : การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ...
กุมภกรรณ เป็นโอรสของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เป็นอนุชาถัดจากทศกัณฐ์ เป็นอุปราชกรุงลงกา หน้าสีเขียว ไม่มีมงกุฎ ชายาชื่อจันทวดี มีสนมเอกชื่อคันธมาลี มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธวิเศษ ฝากไว้กับพระพรหมธาดา โดยอุปนิสัยรักความสะอาดและถือสัตย์ซื่อในความยุติธรรม เมื่อทศกัณฐ์ใช้ให้ไปรบกับพระราม ได้กล่าวทัดทานหลายหนและแนะนำให้ส่งนางสีดาคืน ทศกัณฐ์กริ้วเกือบตัดญาติ แต่จำใจเจ็บร้อน ด้วยเป็นพงศ์ยักษ์ด้วยกัน ได้ออกรบถึงสี่ครั้ง พิเภกอาสาออกมาห้ามทัพไม่ให้รบเพราะพระรามคือพระนารายณ์อวตาร
• ครั้งแรก รบกับสุครีพโดยออกอุบายให้สุครีพไปถอนต้นรังใหญ่ที่อุดรทวีป เพื่อให้หมดกำลัง สุครีพไม่รู้ทันในอุบาย ถอนต้นรังมาได้ก็มารบต่อ กุมภกรรณไม่รอให้ทันตั้งตัวรีบโถมออกไปรบ สุครีพเสียท่าถูกกุมภกรรณเอาแขนตวัดหัวสุครีพเข้าหนีบรักแร้คว้าตัวพากลับไปลงกา แต่หนุมานกับองคตตามไปช่วยไว้ได้
• ครั้งที่สอง กุมภกรรณไปขอหอกโมกขศักดิ์ซึ่งฝากไว้กับพระพรหม แล้วไปทำพิธีลับคมที่เชิงเขาพระสุเมรุใกล้ฝั่งแม่น้ำสีทันดร หนุมานแปลงกายเป็นหมาเน่า องคตแปลงกายเป็นกาจิกร่างหมาเน่าเพื่อกระจายกลิ่นอันเหม็นเน่า จนกุมภกรรณเสียพิธีออกรบโดยทำพิธีลับหอกไม่สำเร็จ ครั้งนี้พระลักษมณ์ถูกหอก พิเภกแนะนำวิธีแก้ไขจนพระลักษมณ์ฟื้น
• ครั้งที่สาม กุมภกรรณทดน้ำ หลังจากที่กุมภกรรณพุ่งหอกโมกขศักดิ์สำเร็จแล้วได้กลับมาทูลบอกทศกัณฐ์ ณ ท้องพระโรงกรุงลงกา สองสารัญทูตกองตระเวนเข้ามาทูล บอกว่าฝ่ายพระรามแก้ฟื้นพระลักษมณ์ได้แล้ว กุมภกรรณจึงอาสาไปทดน้ำเพื่อให้กองทัพพระรามอดน้ำตายหมด กุมภกรรณกลับไปที่ตำหนักสั่งความลับกับนางคันธมาลีพระสนมเอกและนางกำนัลคนสนิทให้ปกปิดแหล่งที่ไป แต่สั่งให้นางคันธมาลีและนางกำนัลทั้งสี่มีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปบูชาทุกวัน จากนั้นกุมภกรรณได้ไปที่เชิงเขามรกตเหนือพลับพลา ที่ตั้งของกองทัพฝ่ายพระราม กุมภกรรณออกไปจนถึงต้นกร่างใหญ่ริมแม่น้ำ ได้ร่ายเวทวิทยาแล้วลงไปใต้น้ำนอนทดน้ำจนน้ำเหือดแห้งไหลเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น
พลวานรฝ่ายพลับพลาพระรามออกมาตักน้ำไปใช้ เห็นน้ำแห้งหายจึงกลับไปบอกนาย สุครีพทูลพระรามถึงเรื่องนี้ พระรามถามพิเภก พิเภกทูลว่าเป็นกลศึกของฝ่ายกรุงลงกาที่ให้กุมภกรรณไปทดน้ำ แต่ไม่รู้แหล่งสถานที่ ที่ กุมภกรรณไปทำพิธี พระรามใช้ให้หนุมานทหารเอกไปทำลายพิธีเสีย หนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่แอบซุ่มไปสืบข่าวจนรู้แน่ว่านางคันธมาลีและนางกำนัลที่สนิทอีกสี่คนมีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปบูชา ณ ที่ที่กุมภกรรณทดน้ำ ครั้นถึงเวลาที่นางคันธมาลีและบริวารไปเก็บดอกไม้ สบโอกาสหนุมานที่แปลงเป็นเหยี่ยวโฉบนางกำนัลที่รั้งท้ายไป แล้วตนเองลอบแปลงเป็นนางกำนัลในหมู่ตามนางไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นน้ำวนรู้แหล่งที่แล้วจึงแผลงฤทธิ์ไล่ฝูงนางกำนัลไปหมด หนุมานดำน้ำลงไปเห็นกุมภกรรณนอนร่ายเวทวิทยาขวางลำน้ำ จึงเข้าถีบแล้วต่อสู้กันจนกุมภกรรณเสียพิธีหนีกลับเข้ากรุงลงกา
• ครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย กุมภกรรณออกตรวจพลแล้วยกทัพออกมารบกับฝ่ายพระราม กุมภกรรณพร้อมด้วยนนทกาลสูรมหาเสนาผู้เป็นทหารเอก พร้อมเหล่าโยธาพลากร ทั้งสองฝ่ายเมื่อประจันทัพ กุมภกรรณสั่งเสนา ออกรบก็แพ้พ่ายนนทกาลสูรเข้ารบกับพญาวานรจนสิ้นชีวิต กุมภกรรณเข้ารบกับพระราม พระลักษมณ์ด้วยความสามารถและฤทธิ์เดช ในที่สุดพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ถูกกุมภกรรณแต่ยังไม่สิ้นชีวิต แล้วเห็นพระรามมีสี่กร จึงรู้ตัวว่าประมาทพลาดพลั้งไปไม่เชื่อคำตักเตือนของพิเภกอนุชา กุมภกรรณขอพระราชทานโทษสำนึกผิดและฝากฝังพิเภกกับพระราม พระรามเห็นว่ากุมภกรรณเป็นยักษ์ดีมีคุณธรรม ที่คิดประมาทพลั้งผิดเพราะรักพวกพ้องพงศ์พันธุ์ มิอาจปฏิเสธคำสั่งของทศกัณฐ์ได้ จึงได้พระราชทานอภัยโทษและให้กุมภกรรณได้ขึ้นสวรรค์ตามคำขอกราบบังคมทูลและไม่คิดพยาบาทต่อกัน
การแสดงโขนในครั้งนี้ นำการออกศึกของกุมภกรรณในครั้งที่สามและครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นศึกสุดท้ายของกุมภกรรณมาจัดแสดง มีจุดประสงค์ให้เห็นถึงความรักสามัคคี ความผูกพันของพี่น้องวงศ์ญาติที่ไม่อาจตัดขาดกันได้ ประกอบกับการให้อภัยไม่จองเวรให้เป็นบาปกรรมสืบต่อกัน ซึ่งคุณธรรมเหล่านี้เป็นหลักคิดที่ควรคงอยู่เป็นแบบอย่างอันดีงามสืบไปในสังคมปัจจุบัน ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น