ที่ โรงแรมเดอะ เวโล โฮเต็ล แอนด์ บีเอ็มเอ็กซ์ ปั๊มพ์ แทร็ค อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว / เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการตรวจติดตามและให้คำปรึกษาด้านกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานแก่หน่วยงานส่วนภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ครั้งที่ 2 โดยมีนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และผู้เข้าร่วมสัมมนา เข้าร่วม
นางสาวตรีนุช เปิดเผยว่า.. กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนสถานประกอบกิจการ รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีบทบาทในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ผ่านสิทธิประโยชน์ เช่น เงินกู้ยืม และเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน ตามหลักเกณฑ์ของกองทุน โดยตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันได้อนุมัติเงินกู้ยืมแล้ว 427,758,900 บาท
สำหรับปีงบประมาณ 2569 จัดสรรวงเงินกู้จำนวน 30 ล้านบาท ขณะนี้มีคำขอกู้ยืมที่รอการพิจารณาในที่ประชุมอนุกรรมการฯ เดือนธันวาคม 2568 จำนวน 7 บริษัท รวมเป็นเงิน 5,471,100 บาท ด้านเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน ได้โอนให้สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร./สนพ.) จำนวน 12,339,519.50 บาท และมีการเบิกจ่ายแล้ว 6,748,962.60 บาท
นางสาวตรีนุช กล่าวว่า.. กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนสถานประกอบกิจการให้สามารถพัฒนาทักษะของลูกจ้างได้ โดยไม่ต้องใช้เงินทุนของตนเอง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ และส่งเสริมให้สามารถดำเนินการ Upskill พนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการจัดสัมมนาครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการติดตามและให้คำปรึกษางานกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานแก่หน่วยงานส่วนภูมิภาค ทั้งด้านการกู้ยืมเงิน การให้เงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน และ การเร่งรัดติดตามหนี้ รวมถึงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกัน สามารถแก้ปัญหาอุปสรรคและให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สถานประกอบกิจการ ที่สนใจยื่นขอกู้เงิน กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือ ขอรับเงินช่วยเหลือ/อุดหนุน สามารถสอบถามได้ที่.. สถาบันฯ หรือ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทุกจังหวัด หรือ กองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน โทร. 0 2245 2365 ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น