เดินหน้าความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ประเทศไทย - อังกฤษ เตรียมพัฒนาแนวทางนำข้อมูลพันธุกรรมใช้ประโยชน์วิจัย วินิจฉัยรักษา ในไทย ...

หน่วยงานขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย ...

ภายหลังจากที่สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในฐานะหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคมแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ (Memorandum of Understanding between Health Systems Research Institute, Thailand and the Department of Health and Social Care of the United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland on Genomics Cooperation) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม แห่งสหราชอาณาจักรฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือด้านวิชาการ งานวิจัยและพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์จีโนมิกส์ระหว่างสองประเทศ ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ


ทั้งนี้ MOU ดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ลงนาม และร่วมมือในการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรฯ (Joint Working Group on Genomics Cooperation Thailand - UK) โดยกำหนดให้มีการจัดประชุมคณะทำงานฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งโดยมีคู่ภาคีเป็นประธานร่วมกันนั้น หน่วยงานขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย สวรส. จึงได้ร่วมกับ Genomics England จัดประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรฯ (Genomics Cooperation Thailand - UK) และศึกษาดูงาน Genomics England ภายใต้ MOU ขึ้นในระหว่างวันที่ 1-7 พฤษภาคม 2566 ที่ประเทศอังกฤษ

1 ในประเด็นจากการประชุมฯ คือเรื่องการพัฒนาที่จะนำข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลการเจ็บป่วยเพื่อนำมาพัฒนาการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยฯ ซึ่งเป็นงานท้าทายหนึ่งสำหรับงานจีโนมิกส์ประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์ในฐานะอนุกรรมการกำกับทิศทางแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย ประกอบด้วย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร นพ.จักรกฤษณ์ เอื้อสุนทรวัฒนา ดร.ศิษเฎศ ทองสิมา ผู้อำนวยการธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  ดร.นพ.สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดร.นุสรา สัตย์เพริศพราย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รศ.ดร.นพ.พงศกร ตันติลีปิกร ประธานหน่วยบูรณาการประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ ววน. และด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ทพ.จเร วิชาไทย น.ส.บุณยวีร์ เอื้อศิริวรรณ ผู้จัดการงานวิจัย สวรส. ร่วมประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรฯ กับผู้แทนจากหลายหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขและสังคมแห่งสหราชอาณาจักรฯ


สาระสำคัญจากการประชุมมีประเด็นเรื่องการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการนำข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลการเจ็บป่วยเพื่อนำมาพัฒนาการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิดและเด็ก โดยประเทศอังกฤษ นำเสนอว่า อังกฤษมีแหล่งข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลทางคลินิกที่เปิดให้นักวิจัยทั่วโลกสามารถเข้าถึงและนำไปใช้สำหรับการวิจัยเชิงลึกเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม โดยมีแหล่งข้อมูลทางพันธุกรรม เช่น.. 

• UK Biobank ที่ได้รวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครจำนวน 400,000 ราย แบ่งเป็นข้อมูลการติดตามการเจ็บป่วยโรคต่างๆ เช่น โรคโควิด-19 โดยนักวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลพันธุกรรมผ่านระบบการเข้าถึงข้อมูล และข้อมูลการเจ็บป่วยเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาทางระบาดวิทยาพันธุศาสตร์ได้ ทั้งนี้ การใช้ข้อมูลจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าถึงข้อมูล โดยมีข้อปฏิบัติสำคัญ คือต้องส่งผลการวิจัยกลับมาให้กับ UK Biobank เพื่อการต่อยอดทางวิชาการ โดยทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดยังเป็นของผู้วิจัย 

• ส่วนฐานข้อมูลของ UK bioresource program ภายใต้ NIHR (กระทรวงสาธารณสุขและสังคมแห่งสหราชอาณาจักรฯ) จะเก็บข้อมูลพันธุกรรมและเปิดให้เข้าถึงชุดข้อมูลพันธุกรรมของอาสาสมัครปกติ(กลุ่มประชาชนทั่วไป) ในลักษณะที่สามารถติดตาม (recallable) ข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลทางคลินิกในอาสาสมัครกลุ่มนี้ได้ และทาง NIHR เตรียมที่จะขยายเก็บข้อมูลพันธุกรรมไปยังกลุ่มเด็กและวัยรุ่นด้วย 

• ส่วนทาง Genomics England เป็นการเก็บและให้เข้าถึงข้อมูลถอดรหัสพันธุกรรม หรือ Whole-genome sequencing (WGS) ในผู้ป่วยกลุ่มโรคหายาก และโรคมะเร็ง 

โดยทั้ง 3 รูปแบบการเข้าถึงข้อมูลพันธุกรรมแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ประเทศอังกฤษ ยังคงหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และได้รับความยินยอมจากอาสาสมัครที่ให้ใช้ข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลป่วยของตนเพื่อประโยชน์สาธารณะด้านวิทยาศาสตร์และวิจัยเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จะร่วมดำเนินกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาแนวทางการเข้าถึงข้อมูลพันธุกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย ให้แล้วเสร็จในปี 2566 เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคหายาก 10,000 รายแรก ได้รับประโยชน์จากการวิจัยด้านจีโนมิกส์ พร้อมกับพัฒนา/ผลิตนักวิจัยจำนวนมากเพื่อการวิจัย และคืนข้อมูลพันธุกรรมให้กับผู้ป่วยต่อไป ...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“ ศิลปินนักพันผ้า ” หนึ่งเดียวในไทย “ โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ” ผู้คิดค้นวิธีรักษาผืนผ้าไหมไทยทั้งผืนเอาไว้เพื่อคนรุ่นหลัง ...

CP LAND ผนึกกำลังครั้งยิ่งใหญ่กับ 17 พันธมิตร อัดแคมเปญแรงส่งท้ายปี ‘ สิงโต นำโปร ’

CP LAND ปรับแผนสื่อสารเจาะนิวเจน พบถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ ติดชาร์ตอันดับ 2 จากผลสำรวจของ Zanroo ...