วว. ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดสมุทรสงครามด้วย วทน. พัฒนานวัตกรรมเพิ่มผลผลิตคุณภาพ “ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ”

“ จังหวัดสมุทรสงคราม ” เป็นหนึ่งจังหวัดใน โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจังหวัดด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม  ซึ่ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการฯ ภายใต้แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมสู่ภูมิภาค ก่อให้เกิดการลงทุนของเกษตรกร ผู้ประกอบการแปรรูปสินค้าเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูป พร้อมกระตุ้นการบริโภคของประชาชนภายในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ได้กำหนดให้มีการส่งเสริมและพัฒนาในภาคการเกษตร การพัฒนาต่อยอดโครงสร้างธุรกิจการเกษตรด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างเกษตรคุณภาพสูงและขับเคลื่อนการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า ตลอดจนความหลากหลายของสินค้าเกษตร




จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นแหล่งผลิตลิ้นจี่ที่สำคัญเป็นอันดับ 1 ในภาคกลาง  โดย “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” เป็นพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุด ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกลิ้นจี่ทั้งสิ้น 1,920 ครัวเรือน รวมพื้นที่การปลูกประมาณ 5,196 ไร่  แยกเป็นพื้นที่อำเภอเมือง 7 ไร่ อำเภออัมพวา 2,328 ไร่ และอำเภอบางคนที 2,861 ไร่ อีกทั้งไม้ผลที่เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดสมุทรสงคราม 

“...จากการลงพื้นที่ดำเนินโครงการฯ ของ วว.  โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์  พบว่า เกษตรกรประสบปัญหาการควบคุมการออกดอก ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ไม่สม่ำเสมอทุกปี และมีผลผลิตต่ำ ซึ่งจำเป็นยิ่งที่ต้องได้รับการส่งเสริมและแก้ไขปัญหา โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปส่งเสริมให้ลิ้นจี่ในพื้นที่สมุทรสงครามมีผลผลิตที่ดี สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มมากขึ้น...” ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวถึงการลงพื้นที่ของทีมคณะทำงาน วว. และการตอบโจทย์ให้กับพี่น้องเกษตรกร




ทั้งนี้ วว. ได้นำนวัตกรรมเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรในพื้นที่   โดยลิ้นจี่จะออกดอกได้นั้น ใบลิ้นจี่ต้องเป็นใบแก่ที่มีความสมบูรณ์และได้รับอากาศเย็น เมื่อลิ้นจี่ได้รับอากาศหนาวจะออกดอกได้ดีและมีการออกดอกเป็นจำนวนมาก ต้นลิ้นจี่ที่ไม่ได้เตรียมความสมบูรณ์สำหรับการออกดอก เมื่อฤดูหนาวมาถึง ต้นจะไม่พร้อม ทำให้ออกดอกได้น้อยและจะออกดอกในช่วงกลางถึงปลายฤดูหนาว  ส่งผลให้ผลที่ออกทีหลังราคาจะต่ำกว่าผลที่ออกก่อน และดอกที่ออกช้าจะกระทบกับฝนหลงฤดูหรือฝนชะช่อมะม่วงในช่วงเดือนมกราคม ทำให้ดอกร่วงและไม่ติดผลและไม่มีผลผลิตเพราะต้องการการผสมเกสร เกษตรกรต้องเสริมโดยใช้ฮอร์โมนแปลงเพศดอกเข้าไปช่วยในการผสมพันธุ์และการติดผล  ลิ้นจี่เมื่อติดผลแล้วจะมีการร่วงของผลอีกราว 3-4 รอบ ซึ่งต้องช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของต้นเพื่อช่วยลดการหลุดร่วงและใช้ฮอร์โมนขยายขนาดและเพิ่มน้ำหนักของผลลิ้นจี่



จุดเด่นของนวัตกรรมเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ “ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ” โดย วว.  คือ สามารถทำให้ออกดอกได้เร็วกว่าลิ้นจี่ที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมของต้น  ทำให้ราคาจำหน่ายลิ้นจี่สูงกว่าเพราะออกก่อน และให้ผลผลิตมากกว่าเพราะเตรียมต้นได้สมบูรณ์  ลดการหลุดร่วงเพราะออกผลผลิตก่อนจะเลี่ยงฝนหลงฤดูที่เป็นสาเหตุทำให้ดอกและผลร่วง นอกจากนี้การให้ฮอร์โมนแปลงเพศจะทำให้ติดผลมากกว่า และการให้ฮอร์โมนขยายขนาดผลจะทำให้ผลโต เกรดและคุณภาพดี จำหน่ายได้ราคาสูงกว่ากระบวนการผลิต/แนวทางการถ่ายทอดเทคโนโลยี    ภายใต้การดำเนินโครงการฯ นี้ วว. ถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยการทำแปลงสาธิต การผลิตลิ้นจี่ในแปลงเกษตรกรจำนวน  7  แปลง  ซึ่งปลูกต้นลิ้นจี่ที่มีอายุ 50 ถึง 100 ปี จำนวน 200 ต้น ทำการเตรียมต้นลิ้นจี่โดยการฉีดฮอร์โมนและสารบำรุงก่อนเข้าฤดูหนาวจำนวน 2 เดือน เพื่อให้ลิ้นจี่ออกใบอ่อนพร้อมกันและได้รับสารบำรุงทางใบจนมีความสมบูรณ์และมีใบแก่รอฤดูหนาว (หากลิ้นจี่ออกใบอ่อนอีกจะไม่เหมาะกับการเจอฤดูหนาว  ดังนั้นจะฉีดสารหยุดยอด เพื่อคุมไม่ให้ออกใบอ่อน)





ขั้นตอนกระบวนการผลิต..

1. เมื่อลิ้นจี่เจอฤดูหนาวแล้วมีดอก ให้ฉีดพ่นฮอร์โมนเพิ่มดอกเพศผู้เพื่อเพิ่มการติดผล

2. เมื่อลิ้นจี่ติดผลให้ฉีดสารขยายขนาดผลและสารบำรุงเพิ่มขนาดของผลและลดการหลุดร่วงของผลลิ้นจี่

นอกจากนี้ วว. ยังได้จัดกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่พี่น้องเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และเป็นองค์ความรู้ที่ช่วยเพิ่มพูนทักษะและศักยภาพให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน  ได้แก่  1) การใช้ชีวภัณฑ์ในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงในระบบเกษตรปลอดภัย 2) การขยายชีวภัณฑ์รูปแบบเหลวในถังขยายจุลินทรีย์ 3) นวัตกรรมการยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยวลิ้นจี่ และ 4) นวัตกรรมการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพลิ้นจี่พันธุ์ค่อมจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมให้ความรู้และคำแนะนำปรึกษาแก่เกษตรกรอย่างใกล้ชิด


จากการดำเนิน โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจังหวัดด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม  ของ วว. พบว่า  ผลผลิตลิ้นจี่สูงขึ้น  ผลมีขนาดโต  เกรดและคุณภาพลิ้นจี่ดีขึ้น  ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอนาคต  จากการที่ผลผลิตสูงขึ้น ทำให้รายได้มากขึ้น  เนื่องจากผลผลิตออกก่อน  ส่งผลให้ราคาต่อหน่วยสูงขึ้น  นับเป็นโมเดลความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมและเหมาะสมในการขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ของประเทศต่อไป ...

ติดตามคลิปโครงการฯ ได้ที่   https://youtu.be/WytcWcnMNtc ....

สอบถามรายละเอียดและรับบริการ  ได้ที่   ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์  วว.    โทร. 0 2577  9004 โทรสาร 0 2577  9004     E-mail : tistr@tistr.or.th ....

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท. ร่วมมือกับ บขส. จัดรถนำเที่ยวฟรี 10 วัน โอกาสครั้งสำคัญ เปิดกรุ มรดกธรรมล้ำค่าแห่งยุครัตนโกสินทร์ เส้นทางเที่ยวชมโบราณวัตถุล้ำค่าที่หาดูได้ยากกับกิจกรรม “ เป็นบุญตา ครั้งหนึ่งในชีวิต ”

สมาคมการค้าโกโก้และช็อกโกแลตไทย (TACCO) แถลงข่าวการจัดตั้งสมาคมการค้าโกโก้และช็อกโกแลตไทย พร้อมเปิดตัว งาน Thailand Craft Chocolate Fest’24 ...

ค้าน ! ขึ้นค่าแรง 400 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ .. 17 สภาองค์การนายจ้าง แสดงจุดยืนร่วมกันคัดค้าน การขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ ...